ลำดับเหตุการณ์
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า ผลการตรวจสอบรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียนขม.99 ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ครอบครอง ได้รับรายงานสรุปผลการตรวจสอบจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่รายงานเข้ามาแล้ว โดยผลสอบพบว่ารถยนต์ผิดกฎหมาย
http://www.dailynews.co.th/
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า กรณีที่รถผิดกฎหมายแล้วผู้ครอบครองจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องของขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ว่าได้รู้หรือจงใจหรือไม่ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่ผ่านมาดีเอสไอได้รายงานผลการทำงานให้ทราบเป็นระยะ เพราะรถคันนี้ เป็นหนึ่งในรถที่มีอยู่ในบัญชีรายชื่อรถจดประกอบที่ดีเอสไอตรวจสอบ เกี่ยวกับกรณีการหลีกเลี่ยงภาษี และมีการส่งข้อมูลรถยนต์บางส่วนให้กรมศุลกากรประเมินภาษีในส่วนที่ชำระไว้ไม่ครบ
ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอรับเรื่องคดีการครอบครองรถหรู ตั้งแต่ปี 2556 เป็นคดีพิเศษ โดยได้แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีราคาเกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 500 คัน และกลุ่มที่มีราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท มีจำนวนกว่า 5,000 คัน ที่ผ่านมาได้ดำเนินการตรวจสอบในกลุ่มแรกไปก่อนแล้ว
โดยกลุ่มที่ราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ของสมเด็จช่วง รวมอยู่ด้วย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ โดยมีการร้องเรียนดีเอสไอ และได้ประสานไปยังกรมศุลกากรเพื่อขอข้อมูลในการนำเข้าชิ้นส่วนของรถจดประกอบ ซึ่งรถของสมเด็จวัดปากน้ำได้จดทะเบียนเป็นผู้ครอบครองเป็นคนแรก แต่ปัจจุบันได้แจ้งยกเลิกใช้งานรถคันนี้แล้ว และถูกนำเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นของสะสม
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เผยขั้นตอนการนำเข้ารถหรูของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ระบุ รถหรูสมเด็จช่วง ทั้งตัวถัง-เครื่องยนต์-อุปกรณ์สวนควบ-จดประกอบ-แจ้งสรรพกร มีการใช้เอกสารปลอมทั้งหมด ขณะที่อู่รถยนต์ประกอบรถ ไม่มีใบอนุญาตประกอบรถ ส่วนผู้ถวายรถดังกล่าวให้สมเด็จช่วงยอมรับ กับพนักงานสอบสวนแล้วว่า เป็นผู้ถวายจริงแต่ต้องรอสอบเรื่องเจตนาของสมเด็จช่วงว่ารู้หรือไม่ว่าเป็นรถยนต์ที่นำเข้ามาไม่ถูกกฎหมาย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) - 20 ก.พ. 59 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงการดำเนินการภายหลังตรวจพบรถเบนซ์ทะเบียนขม. 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นรถผิดกฏหมายว่า ตามกฎหมายเมื่อสืบทราบว่ารถดังกล่าวเป็นรถผิดกฏหมายก็ต้องยึดไว้เป็นของกลางในคดี โดยในวันอังคารที่ 23 ก.พ.นี้ ตนจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน เพื่อโอนสำนวนคดีในชั้นสืบสวนจากพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ไปให้พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ พร้อมกับจะมีหนังสือแจ้งผลการสืบสวนทั้งหมดไปยังวัดปากน้ำฯและขอนัดเข้าสอบปากคำสมเด็จฯช่วง เกี่ยวกับรายละเอียดในการครอบครองรถ และการเซ็นซื่อในเอกสารการโอนรถยนต์
ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำภาษีเจริญ ศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร บอกถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมขอยึดรถเบนซ์โบราณ ของสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นรถผิดกฎหมายเพื่อนำไปตรวจสอบ ว่า วัดจะไม่มอบรถคันนี้ให้ดีเอสไอ เพราะเห็นว่าจะไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของสมเด็จช่วง หากทำตามเท่ากับเป็นการตอกย้ำ และ ยอมรับความผิดที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมเด็จช่วง มีความประสงค์จะไม่ขอรับรถคันนี้ไว้แล้ว เป็นเพียงกระแสข่าวลือเท่านั้น
ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำภาษีเจริญ ย้ำอีกว่า วัดปากน้ำไม่มีปัญหากับการดำเนินการตามกฎหมาย แต่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งมาอย่างเป็นทางการ ก็พร้อมปฏิบัติตาม เพราะที่ผ่านมาได้ยืนยันมาตลอดว่าสมเด็จช่วง ครอบครองรถโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร บอกว่า กรณีมีกระแสข่าววัดปากน้ำภาษีเจริญไม่ยินยอมให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เข้ามาอายัดรถเบนซ์โบราณที่อยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อเป็นของกลางนั้น ขอยืนยันเมื่อดีเอสไอมีหนังสือแจ้งมา วัดก็พร้อมปฏิบัติตามนั้น หากจะเข้ามาอายัดรถก็ยินดีให้ดำเนินการ แต่ขณะนี้หนังสือยังไม่ได้มาถึงวัด
ส่วนกรณีดีเอสไอจะสอบถามข้อมูลจากสมเด็จฯและพระมหาศาสนมุนีหรือหลวงพี่แป๊ะกรณีสมเด็จฯเป็นผู้ครอบครองรถนั้น ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้มีหนังสือแจ้งเข้ามายังวัดคาดว่าน่าจะมีหนังสือแจ้งมา 23 ก.พ.นี้ ส่วนจะสอบถามข้อมูลจากสมเด็จฯและหลวงพี่แป๊ะโดยตรงหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ จะต้องรอหนังสือมาถึงวัดก่อน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รถหรูที่มีการประกอบขึ้นภายในประเทศไทยนั้นถือว่า เป็นใบทะเบียนปลอมทั้งสิ้น เนื่องจาก ได้มีคำสั่งยกเลิกการจดทะเบียนใบประกอบในช่วงปี 2556 แม้การนำเข้ารถจดประกอบจะ “ปิดฉาก” ลงไปแล้ว แต่การดำเนินคดีของดีเอสไอยังไม่จบ รถจดประกอบลอตแรก 548 คัน ยังรอการประเมินภาษีส่วนที่ขาดจากศุลกากร เมื่อใดที่ระบุชัดเจ้าของรถต้องนำมาจ่ายให้ครบ มิเช่นนั้นจะถูกระงับทะเบียนและตามยึดรถ เพื่อดำเนินการตรวจสอบรถจดประกอบที่เหลืออีก 6,027 คัน ในจำนวนดังกล่าว มีเบนซ์คลาสสิก หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร รวมอยู่ด้วย ซึ่งรถคันนี้มีชื่อสมเด็จช่วงเป็นผู้แจ้งครอบครอง
กรณีนี้ รถหรูสมเด็จช่วง ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยดีเอสไอจะตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงเฉพาะประเด็นการนำเข้ารถเบนซ์คลาสสิกว่า เป็นการแยกชิ้นส่วนนำเข้าจริงหรือนำเข้าทั้งคันเพื่อเลี่ยงภาษี, ราคา 1 ล้านบาทเศษที่สำแดงประกอบการประเมินภาษีตรงตามราคาแท้จริงหรือไม่ เอกสารต่างๆที่นำมายืนยันตั้งแต่การสำแดงนำเข้าไปจนถึงการจดทะเบียนใช้งานรถยนต์เป็นเอกสารจริงหรือทำปลอมขึ้น และอู่ประกอบรถในเมืองไทยมีขีดความสามารถในการประกอบเบนซ์คลาสสิกอายุกว่า 60 ปี ที่ถูกถอดชิ้นส่วนบรรทุกลงเรือมาได้จริงหรือไม่
ซึ่งในประเด็นเหล่านี้ หากผลการตรวจสอบพบความผิด ผู้ซื้อหรือผู้ครอบครองมือสุดท้ายได้รับความคุ้มครองตามหลักบริสุทธิ์เพราะย่อมไม่รู้ว่าผู้ขายมีวิธีการนำเข้าอย่างไร แต่สิ่งที่ผู้ซื้อและผู้ครอบครองมือสุดท้ายต้องรับผิดชอบ คือชำระภาษีในส่วนที่ชำระไว้ขาด แล้วไปฟ้องแพ่งไล่เบี้ยเอากับผู้ขาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น